มหาวิทยาลัยทักษิณ ขอร่วมแสดงความภาคภูมิใจกับความสำเร็จของทีมนักวิจัยผู้สร้างสรรค์ “เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนพลังงานชีวมวล: นวัตกรรมเพื่อชุมชน ยกระดับชีวิตเกษตรกรไทย” จนได้รับ รางวัลการวิจัยแห่งชาติ ประจำปี 2569 ประเภทผลงานประดิษฐ์คิดค้น ระดับดีมาก สาขาสังคมวิทยา จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ซึ่งเป็นเกียรติสำคัญที่มอบให้ผลงานวิจัยที่มีความโดดเด่นทั้งเชิงวิชาการและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมได้อย่างแท้จริง
ทีมนักวิจัยผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ
ผลงานนี้เกิดจากการทำงานร่วมกันของนักประดิษฐ์ 3 ท่าน ได้แก่
อาจารย์ ดร.อมาวสี รักเรือง – คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
รองศาสตราจารย์ ดร.จตุพร แก้วอ่อน – คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
ศาสตราจารย์ ดร.สมชาย วงศ์วิเศษ – คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
ทีมวิจัยมีจุดมุ่งหมายชัดเจนในการสร้างเทคโนโลยีที่เหมาะสม (Appropriate Technology) เพื่อแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างของเกษตรกรไทย โดยเฉพาะอุปสรรคด้านการอบแห้งผลผลิตที่มักหยุดชะงักในฤดูฝน ต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคุณภาพสินค้าที่ไม่สม่ำเสมอ ส่งผลกระทบต่อรายได้ของชุมชน

นวัตกรรมเพื่อชุมชนที่ใช้งานได้จริง และแก้ปัญหาได้อย่างลึกถึงราก
ทีมนักประดิษฐ์พัฒนาระบบ แลกเปลี่ยนความร้อนแบบ 3 กลับ (3 Passes System) ผสานกับ กลไกแยกอากาศร้อนจากไอเสีย (Air–Exhaust Separation Mechanism) ซึ่งเป็นแนวคิดใหม่ที่ไม่เคยมีในโรงอบแห้งชุมชนมาก่อน ทำให้สามารถดึงความร้อนมาใช้ได้สูงขึ้น ลดไอเสียปนเปื้อน และเพิ่มคุณภาพของการอบอย่างมีนัยสำคัญ
นวัตกรรมนี้มีจุดเด่นหลายด้าน ได้แก่
1. ประหยัดพลังงาน ด้วยการใช้ชีวมวลในท้องถิ่นแทนก๊าซหรือไฟฟ้า
2. ลดมลพิษ โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 จากการเผาเปิด
3. ใช้งานง่ายจริงในชุมชน ต้นทุนไม่สูง ซ่อมบำรุงง่าย และติดตั้งร่วมกับโรงอบเดิมได้โดยไม่ต้องดัดแปลงใหญ่
4. พัฒนาต่อยอดได้ และมีการยื่นขอสิทธิบัตรเพื่อสนับสนุนการขยายผลในอนาคต

ผลลัพธ์ชัดเจนในพื้นที่จริง ช่วยเพิ่มรายได้เกษตรกรต่อปีนับแสนบาท
นวัตกรรมนี้มีการนำไปติดตั้งใช้งานจริงภายในจังหวัดพัทลุงและพื้นที่ใกล้เคียง โดยเฉพาะ “วิสาหกิจชุมชนนาแปลงใหญ่บ้านธรรมเถียร” ซึ่งมีผลลัพธ์เชิงประจักษ์ชัดเจนว่า
1. สามารถ อบแห้งผลผลิตได้ตลอดทั้งปี แม้ในฤดูฝน
2. ลดความสูญเสียหลังการเก็บเกี่ยวลงอย่างมาก
3. ลดต้นทุนด้านพลังงานจากการใช้แก๊สหรือไฟฟ้า
4. เพิ่มรายได้ให้ชุมชนเฉลี่ย กว่า 300,000 บาทต่อปี
นอกจากด้านเศรษฐกิจแล้ว ยังส่งผลต่อ คุณภาพสินค้าแปรรูปที่สม่ำเสมอขึ้น ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ตลาดและผู้บริโภค
ยกระดับสังคมและความยั่งยืน ผ่านงานวิจัยเพื่อการเปลี่ยนแปลง
ผลงานนี้ไม่ใช่เพียงนวัตกรรมด้านพลังงาน แต่เป็น นวัตกรรมเพื่อสังคม ที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำด้านเทคโนโลยี ทำให้เกษตรกรรายย่อยเข้าถึงเทคโนโลยีสะอาดได้จริง ลดมลพิษ และสร้าง ecosystem การใช้โรงอบร่วมในชุมชน ส่งเสริมการพึ่งพาตนเองและการเติบโตของวิสาหกิจท้องถิ่น
รางวัลการวิจัยแห่งชาติครั้งนี้ จึงสะท้อนถึงศักยภาพของมหาวิทยาลัยทักษิณในการขับเคลื่อนงานวิจัยที่ตอบโจทย์สังคม สอดคล้องกับพันธกิจของมหาวิทยาลัยที่มุ่งสร้างองค์ความรู้เพื่อพัฒนาภาคใต้และประเทศอย่างยั่งยืน