Black Ribbon Top Right
ม.ทักษิณ จับมือพันธมิตร  ผลักดันการจัดการภัยพิบัติที่มีชุนชนท้องถิ่นเป็นฐาน เดินหน้าไปสู่การ ลงมือทำ

ม.ทักษิณ จับมือพันธมิตร ผลักดันการจัดการภัยพิบัติที่มีชุนชนท้องถิ่นเป็นฐาน เดินหน้าไปสู่การ ลงมือทำ

8 ธ.ค. 68 59

มหาวิทยาลัยทักษิณ จับมือพันธมิตร ทั้งภาควิชาการและภาคประชาสังคม หาคำตอบและแลกเปลี่ยนอย่างเข้มข้นถึงแนวทางผลักดันให้การจัดการภัยพิบัติที่มีชุมชนท้องถิ่นเป็นฐาน เดินหน้าไปสู่การ "ลงมือทำ" ที่เป็นจริง หวังแก้ปัญหาระยะยาวให้ชุมชนด้วยนโยบายสาธารณ

การจัดเวทีเสวนาในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วม ประมาณ 50-60 คน ประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน ตลอดจนคนในชุมชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง โดยเฉพาะกลุ่มคนจนเมือง และผู้ด้อยโอกาสในสังคม มีการนำเสนอประเด็นจากหลากหลายมุมมอง ตั้งแต่การช่วยเหลือระยะเร่งด่วน การฟื้นฟูชุมชนและเศรษฐกิจ ไปจนถึงการวางแผนระยะยาวเพื่อป้องกันปัญหาซ้ำรอย

การเสวนาได้แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลักตามช่วงเวลาของการจัดการภัยพิบัติ ได้แก่ กลุ่มก่อนเกิดเหตุ ที่เน้นการเตรียมการและป้องกัน กลุ่มระหว่างเกิดเหตุ ที่มุ่งเน้นการจัดการเหตุฉุกเฉินและการช่วยเหลือเบื้องต้น และกลุ่มหลังเกิดเหตุ ที่เน้นการฟื้นฟูและพัฒนาชุมชนให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พร้อมสร้างความเข้มแข็งให้พร้อมรับมือกับวิกฤตในอนาคต

ผู้เข้าร่วมเสวนาได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์จริงจากการลงพื้นที่ ระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน และร่วมกัน หาแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ตรงกับความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอผลงานวิจัยและแนวทางการทำงานแบบมีส่วนร่วมที่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ประสบภัย เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืน

มทักษิณเร่งมาตรการช่วยเหลือทั้งระยะสั้น-กลาง-ยาว

รศ.ดร.ณฐพงศ์ จิตรนิรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยทักษิณ กล่าวถึงความเร่งด่วนของสถานการณ์ว่า จากบทเรียนวิกฤตโควิด-19 คนจนเมืองใช้เวลาถึง 7 ปี ในการฟื้นตัวกลับมา "จนเท่าเดิม" และวิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้อาจต้องใช้เวลานานกว่า 7 ปี หากไม่มีการเข้าไปช่วยเหลืออย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง

"บทบาทของมหาวิทยาลัยไม่ใช่การทำเฉพาะหน้า แต่เราจะลงไปยึดพื้นที่โดยเน้นพื้นที่เปราะบางร่วมกับภาคีและพันธมิตร การลงไปจัดการในพื้นที่จะทำให้เราเห็นแนวทางการจัดการภัยพิบัติในอนาคตได้ชัดเจนขึ้น และเมื่อน้ำลดแล้ว เราคาดหวังที่จะเห็นการเปิดมิติการพัฒนาของพื้นที่ในมิติใหม่ ๆ โดยเฉพาะกลุ่มคนจนเมือง เราต้องหาทางช่วยให้คนเหล่านี้กลับมาเริ่มต้นชีวิตได้อย่างแท้จริง" อธิการบดีมหาวิทยาลัยทักษิณกล่าว

มหาวิทยาลัยทักษิณจึงได้จัดทำแผนการช่วยเหลือแบบบูรณาการใน 3 ระยะ ดังนี้

ระยะสั้น (เร่งด่วน) มุ่งเน้นการจัดการขยะและสิ่งปฏิกูลในพื้นที่ประสบภัย เพื่อให้ผู้ประสบภัยสามารถกลับเข้าไปอยู่อาศัยได้อีกครั้ง พร้อมทั้งจัดบริการซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าและจักรยานยนต์ให้แก่ชาวบ้าน โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ได้ลงพื้นที่ให้บริการอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากจักรยานยนต์เป็นพาหนะสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประสบภัยสามารถเดินทางไปทำงาน สร้างรายได้เลี้ยงชีพได้

ระยะกลาง เน้นการฟื้นฟูสภาพจิตใจของคนในชุมชนที่ประสบความสูญเสียและความเครียดจากเหตุการณ์ มหาวิทยาลัยได้ส่งทีมจิตแพทย์ นักจิตวิทยา และนักสังคมสงเคราะห์ลงพื้นที่เพื่อให้คำปรึกษาและสร้างขวัญกำลังใจ ช่วยให้ผู้ประสบภัยสามารถกลับมายิ้มได้อีกครั้ง

ระยะยาว วางแผนพัฒนาศักยภาพชุมชนให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ผ่านการสร้างอาชีพ การพัฒนาทักษะ และการสร้างภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจและสังคมให้แก่ชุมชน โดยเฉพาะกลุ่มคนจนเมืองที่มีความเปราะบางมากที่สุด

งานสัมมนาครั้งนี้ยังมีการนำเสนอผลงานวิจัยและแนวทางการแก้ไขปัญหาจากหลายกลุ่ม รวมถึงการแบ่งกลุ่มอภิปรายเพื่อระดมความคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมทุกภาคส่วน เพื่อนำไปสู่แนวทางการช่วยเหลือที่ตรงกับความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง และสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงในพื้นที่

การจัดงานในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของสถาบันอุดมศึกษาในการเข้าไปมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาสังคมอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบางที่มักถูกมองข้าม เพื่อให้ทุกคนในสังคมได้รับโอกาสในการฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน

.............................................

ข่าว งานสื่อสารองค์กร มหาวิทยาลัยทักษิณ